วันนี้ Wisdom on the house มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณปอย ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนแบรนด์บ้าน “สัมมากร” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนานกว่า 55 ปี ด้วยวิสัยทัศน์และแนวคิดที่ทันสมัย คุณปอยได้นำพาองค์กรสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยยังคงยึดมั่นในปรัชญาหลักของบริษัท นั่นคือ “การสร้างบ้านที่หลับสบาย” และมีวิสัยทัศน์ที่จะนำพาสัมมากรเป็นองค์กรร้อยปีที่มีความยั่งยืน และเป็น 1 ใน 5 ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ได้
จุดเริ่มต้นและการเติบโต
คุณปอย ณพน เจนธรรมนุกูล จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนเข้าทำงานในสาย Investment Banking และต่อยอดด้วยการศึกษาปริญญาโทด้าน MBA จาก Duke University ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นเมื่อครอบครัวของคุณปอยในนามของ บมจ. อาร์พีซีจี เข้ามาบริหาร “สัมมากร” จึงได้มาร่วมงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล ก่อนจะก้าวขึ้นมาดูแลด้านพัฒนาธุรกิจและฝ่ายขาย จนปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
เวลาและความน่าเชื่อถือ..มูลค่าที่วัดไม่ได้
คุณปอยเผยว่า ถึงแม้เส้นทางที่ผ่านมาจะไม่ใช่สายของอสังหาริมทรัพย์ หรือด้านบริหารโดยตรง แต่จากพื้นฐานการทำด้าน Investment Banking มาอย่างยาวนานก็ทำให้มีความแน่นในเรื่องของข้อมูล ทั้งเรื่องการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ (Feasibility study) วิธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) ฯลฯ ที่ลงลึกกว่าคนอื่น และได้แนวคิดจากการให้คำปรึกษา CEO ในช่วงที่ทำ Investment Banking ทำให้คุณปอยเล็งเห็นโอกาสของสัมมากร จากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือมากว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามาก สามารถต่อยอดในการพัฒนา Product ได้อีกมาก เช่น การทำบ้านในระดับ Luxury เป็นต้น
ปรัชญา “บ้านที่หลับสบาย”
คุณปอยกล่าวว่า “บ้านที่ดีคือบ้านที่หลับสบาย” ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก: ความปลอดภัย คุณภาพการก่อสร้างที่ดี และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย สัมมากรได้แบ่งโปรดักต์ออกมาหลายเซกเมนต์ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่ม Luxury อย่างแบรนด์พาร์ค เฮอริเทจและโพรวิเดนซ์ เลน, กลุ่ม High Class อย่างแบรนด์บาร์นยาร์ด, กลุ่ม Upper Class อย่างแบรนด์อนาพนา มิตติและสัมมากร ปิดท้ายด้วยกลุ่ม Main Class อย่างแบรนด์อเวนิว เป็นต้น
“เราคิดโปรดักต์ออกมาเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเน้นย้ำแนวคิดและการออกแบบของบ้านสัมมากรด้วย Customer Centric และ Design Thinking เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริงและให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าได้ดีขึ้น ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น”
การเปลี่ยนภาพลักษณ์ สู่ สัมมากรยุคใหม่
จากการเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพในแบรนด์บ้านจากสัมมากร ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดแล้ว ยังมีภารกิจสำคัญคือ การนำพาสัมมากรเข้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง คือ ปรับภาพลักษณ์ของสัมมากรให้เป็นองค์กรที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ตั้งแต่การ Re-Design ให้เนื้องานน้อยลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มเติมเครื่องมือทั้ง Software และ Hardware ให้การทำงานทันสมัย ทำระบบให้ง่ายไม่ซับซ้อนและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น
“คน” คือขุมทรัพย์
หัวใจสำคัญขององค์กรในการ Transform ก็คือ “คน” คุณปอยเชื่อเรื่อง การพัฒนาคน และเชื่อมั่นใน “คนของสัมมากร” เพราะมีทั้งพนักงานที่อยู่มาอย่างยาวนาน เป็นบุคลากรมี Brand Love และคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะ พร้อมปรับตัวเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า โดยมีการปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นแนวราบเพื่อการบริหารที่คล่องตัว เปิดโอกาสให้บุคลากรได้นำเสนอแนวคิด ส่งเสริมให้มีความกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ลองทำเนื้องานใหม่ๆ และเสริมทัพด้วยบุคลากรมืออาชีพตั้งแต่ระดับกรรมการบริหารไปจนถึงปฏิบัติการ เพื่อให้ระบบงานที่วางไว้มีประสิทธิภาพและใช้ได้จริง
สร้างสภาพแวดล้อมที่รักษา Talent
คุณปอยกล่าวว่า คนเก่งจะทำงานสนุกได้ ต้องมีระบบที่มีประสิทธิภาพ เพราะจะเป็นเหมือนสนาม เป็นผืนผ้าใบ ให้ Talent เหล่านั้นปล่อยของโชว์ฝีมือได้เต็มที่ อีกทั้งยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งการพัฒนา คนที่มีศักยภาพสูงก็จะสร้างสภาพแวดล้อมให้คนอื่นๆ อยากพัฒนาไปด้วย เมื่อระดับบุคคลมีการพัฒนา ก็ย่อมส่งผลให้องค์กรพัฒนาในที่สุด
เข้าใจ(ทิศ)ตรงกัน จึงไปได้ไกล
การสื่อสารคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ “คน” เข้าใจ “องค์กร” คุณปอยสร้างการรับรู้และความเข้าใจของการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของสัมมากร ตั้งแต่ภายในไปจนถึงภายนอก ทั้งการทำ Townhall และ Symbolic Change เช่น การเปลี่ยนโลโก้และสโลแกน เพื่อให้การขับเคลื่อนสัมมากร เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
วิสัยทัศน์และเป้าหมายในอนาคต
คุณปอยตั้งเป้าหมายให้สัมมากรเป็นหนึ่งใน 5 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย และเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปี โดยมุ่งเน้นการขยายโครงการในทุกเซกเมนต์ ต้องมีความยืดหยุ่นและปรับตัวให้ไปได้หลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และล่าสุดในตลาดลักชัวรีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของตลาด ที่สำคัญคือ มีคุณภาพและเป็น “บ้านที่หลับสบาย” สำหรับลูกค้า