นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล คือแพทย์ที่ทำงานด้านสมองและกระดูกสันหลังมานานกว่า 20 ปี
นอกจากนั้น H.O.W. Fellow ผู้นี้ยังเปิดโรงพยาบาลของตัวเองชื่อ S Spine and Nerve โดยมุ่งเน้นการรักษาเฉพาะทางกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกของประเทศไทย
ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย บุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และบริการที่มุ่งเน้นการรักษาคนไข้ที่ต้นเหตุ รวมไปถึงชื่อเสียงเรียงนามของที่นี่ว่าเป็นโรงพยาบาลที่รักษาแบบเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ภาวะแทรกซ้อนแทบไม่มี ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาได้มากกว่าเดิม S Spine and Nerve จึงกลายเป็นชื่อแรกๆ ที่คนไข้หลายคนจะนึกถึง
ตั้งแต่เปิดในปี 2017 ถึงปัจจุบัน โรงพยาบาลแห่งนี้รักษาคนไข้ไปแล้วกว่าแสนเคส ตัวเลขที่น่าภูมิใจนี้คงยืนยันได้ดีว่าคนไข้ไว้ใจโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งนี้มากแค่ไหน
ที่น่าสนใจก็คือ ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะวิสัยทัศน์ของนายแพทย์ดิตถพงษ์ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่งมองเห็นโอกาสบางอย่างในวันที่ประเทศไทยยังไม่เคยมีโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านนี้มาก่อน
บ่ายวันนี้ที่ H.O.W. เราจึงชวนนายแพทย์มาย้อนรำลึกไปถึงเส้นทางการทำงาน หลักคิดในการบริหารโรงพยาบาลที่แตกต่างจากแห่งอื่นๆ และชวนคุยไปถึงความภาคภูมิใจในเส้นทางอาชีพ รวมถึงการเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลที่ช่วยให้คนไข้หลักแสนคนได้มีชีวิตใหม่
วิชาชีพที่ภูมิใจ
ความลับที่หลายคนอาจไม่รู้ คือนายแพทย์ดิตถพงษ์ไม่เคยฝันอยากเป็นหมอ
ตั้งแต่เด็กเขาอยากเป็นวิศวกรมาตลอด แต่เมื่อปรึกษากับบุพการีที่เป็นข้าราชการ พวกเขาก็มองว่าแพทย์เป็นวิชาชีพที่จะติดตัวได้ ด้วยความเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังพ่อแม่ เด็กชายดิตถพงษ์จึงเลือกเรียนกุมารเวชศาสตร์ที่ศิริราช เพราะเห็นภาพตัวเองเป็น ‘หมอเด็กใจดี’
“แต่พอเรียนไปสักพัก ผมต้องเดินผ่านวอร์ดเด็กแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับเด็กเลย เพราะเด็กร้องไห้อยู่ตลอดตามธรรมชาติของเขา แต่ผมชอบคนไข้ที่คุยรู้เรื่อง มีเหตุมีผล เมื่อเรียนจบศิริราช ผมจึงไปเรียนแพทย์เฉพาะทางด้านผ่าตัดสมองและกระดูกสันหลัง หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อต่างประเทศด้านฟื้นฟูคนพิการหรือ Function Restoration และการผ่าตัดจากแผลใหญ่ให้เป็นแผลเด็ก ซึ่งเขาเรียกว่า Minimally invasive surgery ซึ่งมีคนเรียนไม่มากเพราะเป็นสาขาที่เพิ่งเกิด แต่ผมเห็นว่าในประเทศของเรายังไม่มีหมอสาขานี้ และต้องมีใครสักคนที่ไปเรียนเพื่อที่จะกลับมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ”
เมื่อกลับมาไทย นายแพทย์ดิตถพงษ์จึงเริ่มงานเป็นหมอเฉพาะทางด้านผ่าตัดสมองและกระดูก
เขานิยามงานของตัวเองว่า ‘ทำยังไงก็ได้ให้คนไข้บาดเจ็บน้อยที่สุดในทุกโรคที่รักษา’
“อย่างเมื่อก่อนผ่าตัดเนื้องอกในสมองต้องลงมือ เราก็ใช้เทคนิคเช่นรังสีหรืออัลตราซาวด์เข้าไปสลายเนื้องอกแทนโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือสมองบางคนทำงานผิดปกติ เราก็ใส่เครื่องกระตุ้นเข้าให้ทำงานดีขึ้น หรือผ่าตัดคนไข้ที่พิการ ขาอ่อนแอข้างหนึ่ง ผมสามารถตัดกล้ามเนื้อส่วนที่ดีไปต่อกับกล้ามเนื้อส่วนที่เสียแล้วฝึกให้เขาหายพิการได้”
นายแพทย์อธิบายเพิ่ม “ความสนุกของการเป็นหมอด้านนี้คือการควบรวมกันระหว่างการเป็นแพทย์กับวิศวกร เราสามารถดีไซน์ได้ว่าคนไข้แต่ละคนจะรักษายังไง มันทำให้เราเป็นคนที่ต้องมีระบบคิดที่ดี มากกว่านั้น เรามีความสุขในการเห็นคนที่เรารักษาแล้วเขาหายจากการพิการ สำหรับคนไข้บางคน จะตายหรือเป็นหรือพิการ ทั้งหมดอยู่ในสองมือเรา เมื่อทำสำเร็จ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราได้ทำบุญกุศลกับคน การรักษาคนเป็นความสุขที่ยิ่งยวดและเป็นความภูมิใจของผม“
“ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ต้นทุนที่แท้จริงของมนุษย์มี 2 อย่าง คือต้นทุนเวลาที่ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ส่วนอีกอย่างคือสุขภาพซึ่งเป็นต้นทุนที่ทุกคนอาจจะได้มาไม่เท่ากัน แต่เราสามารถทำให้มันแย่ลงก็ได้ ดีขึ้นก็ได้ ผมคิดว่าผมช่วยอะไรกับต้นทุนเวลามากไม่ได้ แต่ต้นทุนสุขภาพผมจัดการให้ได้”
โรงพยาบาลที่ภูมิใจ
เช่นเดียวกับหมอหลายคนที่ฝันอยากเปิดคลินิกและโรงพยาบาลของตัวเอง นายแพทย์ดิตถพงษ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ผมว่าหมอทุกคนมีความฝัน แต่จะถึงฝันหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง ผมเคยผ่านเหตุการณ์ที่เคยเกือบตายมาแล้ว เลยรู้สึกว่าชีวิตที่เราเกิดมา จะว่ายาวก็ยาว สั้นก็สั้น อะไรที่เป็นเรื่องติดค้างในใจ ถ้าทำได้ก็อยากจะทำ เพราะฉะนั้น ผมก็อยากทำฝันในการโรงพยาบาลเฉพาะทางเป็นของตัวเอง ให้เป็นจริง”
ก่อนหน้าที่จะเปิดโรงพยาบาลของตัวเอง ประเทศไทยของเราไม่เคยมีโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังมาก่อนเลย นั่นคือช่องว่างที่นายแพทย์ดิตถพงษ์มองเห็น และเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เขาตัดสินใจได้ในที่สุด
โรงพยาบาล S Spine and Nerve จึงก่อตั้งขึ้นในฐานะโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังโดยตรงในปี 2017 มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเป็นอันดับต้นๆ และเหมาะสมกับการรักษาด้านกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษา โดยมุ่งเน้นการรักษาไปที่ต้นเหตุของโรค ความปลอดภัยของคนไข้ และการฟื้นตัวที่รวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน มีภาวะแทรกซ้อนน้อย
“เทคนิคใหม่ของเราจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาลดลง มากกว่านั้นคือไม่ต้องทำให้คุณต้องนอนโรงพยาบาลนาน เพราะไม่เพียงแค่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเยอะ แต่เวลาคุณนอนโรงพยาบาลนานๆ คุณก็ขาดโอกาสที่จะไปทำงาน และคนใกล้ตัวก็จะขาดโอกาสนั้นด้วย”
นับจนถึงวันนี้ โรงพยาบาล S Spine and Nerve รักษาคนไข้มาแล้วกว่าหนึ่งแสนราย จนต้องขยายโรงพยาบาลแห่งใหม่ ถ้าเทียบกับโรงพยาบาลเฉพาะทางอื่นๆ ที่นี่ถือเป็นโรงพยาบาลไซส์ใหญ่ได้เลย
“การก่อตั้งโรงพยาบาลนี้ทำให้ผมภูมิใจหลายอย่าง หนึ่งคือภูมิใจที่ตัวเองทำความฝันได้ถึงฝั่ง สองคือภูมิใจกับการเห็นองค์กรโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สามคือภูมิใจที่ได้รักษาคนไข้ให้ดีขึ้น”
การรักษาที่ภูมิใจ
ตลอดชีวิตการเป็นหมอ นายแพทย์ดิตถพงษ์รักษาบุคคลสำคัญระดับประเทศมาแล้วมากมาย แต่เขาก็ออกปากว่า สิ่งที่ภูมิใจที่สุดไม่ใช่เรื่องการรักษาบุคคลสำคัญ แต่คือการเห็นคนไข้รอดตาย หายจากการพิการด้วยสองมือของเขา
ท่ามกลางเคสที่เคยผ่านมือเป็นพันหมื่น บางเคสยังตราตรึงอยู่ในใจเขา
“มีอาจารย์ผมคนหนึ่งเป็นอาจารย์สอนแพทย์ เขามีเนื้อมะเร็งกระจายไปเต็มสมอง ไปหาหมอที่อื่นเขาบอกรักษาไม่ได้ แต่อีก 3 เดือนลูกชายเขาจะแต่งงาน ด้วยความเป็นแม่ เขาก็อยากขึ้นเวทีไปอวยพรลูกชายของเขาด้วยสุขภาพที่แข็งแรง อาจารย์เขาเลยมาขอผมให้รักษาให้หน่อย เพราะไม่มีใครให้ความหวังเขาแล้ว ผมบอกอาจารย์ว่าถ้าอาจารย์สู้ ผมสู้ หลังจากนั้นก็ใช้เวลา 3 วัน 3 คืนในการยิงพลังงานเข้าไปในสมองเพื่อรักษาเขา พอทำเสร็จผลเอกซเรย์ออกมา เนื้องอกในสมองก็ยุบลง สุดท้ายอาจารย์เขาก็อยู่อวยพรลูกได้อย่างดี และกลับมาเลี้ยงข้าวผม” รอยยิ้มระบายบนในหน้าของเขาตอนที่เล่า
นับจนถึงตอนนี้ โรงพยาบาล S Spine and Nerve รักษาคนไข้ไปมากกว่าแสนราย
“เวลาที่ผมรักษาแล้วเขาหายดี คนไข้เขาจะเขียนความรู้สึกของเขาลงในสมุดขอบคุณหรือจดหมาย สิ่งเหล่านี้มันเป็นของขวัญที่ตีมูลค่าไม่ได้ มันไม่มีมูลค่าทางเงินแต่มีมูลค่าทางใจ เราได้เห็นคนที่หายพิการ บางทีมีชีวิตรอดเพราะเรา พอถึงช่วงปีใหม่ คนไข้ก็จะเอากระเช้าของขวัญมาให้ เพราะเราทำให้เขารอดตาย เขาก็จะนึกถึงเราตลอด จำได้ว่าบางปีต้องเอารถกระบะมารับกระเช้ากลับบ้าน” คุณหมอตรงหน้าหัวเราะ
ในฐานะผู้บริหารโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง คุณหมอเชื่อว่าในอนาคต บริการการรักษาจะพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้อีก และเขาจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขให้ประเทศต่อไป
“ผมคิดว่าถ้าเราจะพัฒนาโรงพยาบาลได้ดี มันอยู่ที่วิสัยทัศน์และความคิดที่เป็นระบบของผู้บริหารด้วย ถ้าเรามีวิสัยทัศน์ที่ดีก็จะช่วยให้ระบบสาธารณสุขในประเทศดีขึ้น ตอนนี้เราข้ามจุดที่เราพึงพอใจไปแล้ว คำถามคือจะทำยังไงให้มวลรวมการรักษาโรคนี้ในประเทศเราดีขึ้น จะทำยังไงให้บริการที่ไม่เคยมีในประเทศไทยได้เกิดขึ้น ในนอาคต การรักษากระดูกสันหลังนั้นจะเล็กลงเรื่อยๆ บาดเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ภาวะแทรกซ้อนน้อยลง นี่คือพื้นฐานที่มนุษย์คนอยากจะเจอ”
“โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นเหมือนลูกของผม เราอยากเลี้ยงลูกให้ดีก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือประชาชนที่มาใช้บริการของเรา ผมอยากให้เขาได้รับประโยชน์ด้วย”
นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล, ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาล S Spine and Nerve, H.O.W. Fellow 2023




