KAWS: จากกราฟิตี้ข้างถนน สู่ไอค่อนระดับโลกกลางสนามหลวง
ใครที่ติดตามกระแสศิลปะในช่วงนี้ คงสังเกตได้ว่าศิลปะร่วมสมัยเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนยุคใหม่มากขึ้น จากงาน Thailand Toy Expo (TTE) ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเกือบ 800,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนแตะเกือบ 100 ล้านบาทในเวลาเพียง 4 วัน สะท้อนชัดว่าศิลปะไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป
ล่าสุด ชื่อของ KAWS หรือ Brian Donnelly กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง เมื่อผลงานของเขาถูกจัดแสดงอยู่กลาง “สนามหลวง” พื้นที่ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมืองของไทย เป็นภาพที่ทั้งสะดุดตาและชวนให้ขบคิด
ในโลกของศิลปะร่วมสมัย KAWS คือหนึ่งในศิลปินที่ยากจะมองข้าม ไม่ใช่แค่เพราะรูปลักษณ์หัวกะโหลก ตากากบาทอันโดดเด่นของตัวละคร “Companion” แต่เพราะเขาคือผู้ที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง สตรีทอาร์ต และ แบรนด์ระดับโลก เลือนหายไปอย่างแยบยล
ย้อนกลับไปช่วงยุค 90s KAWS เริ่มต้นจากการ “แทรกแซง” ป้ายโฆษณาต่างๆ ในนิวยอร์ก ด้วยการวาดตัวการ์ตูนที่มีหัวกะโหลก กากบาททับตา ลงบนภาพของตัวละครชื่อดังอย่าง Mickey Mouse, The Simpsons หรือ Snoopy เขาไม่ได้เพียงแค่สร้างคาแรกเตอร์ใหม่ แต่สร้าง “ภาษา” ที่สื่อสารถึงความรู้สึกแปลกแยกในโลกที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์
KAWS ไม่ได้ต่อต้านแบรนด์ เขานำแบรนด์มาเป็นสื่อกลางของศิลปะเสียเอง และเข้าใจแนวคิดเรื่อง “Brand Equity” อย่างลึกซึ้ง ความฉลาดของเขาอยู่ที่การเลือกจับมือกับแบรนด์ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่อย่าง Uniqlo หรือ Dior โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก ปล่อยให้ visual เป็นคนพูดแทน
การที่กรุงเทพ โดยเฉพาะ สนามหลวง ถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดแสดง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการตอกย้ำว่า เมืองนี้กำลังกลายเป็น art destination แห่งใหม่ของโลก และเมื่อ visual language ของ KAWS ถูกวางอยู่ท่ามกลางบริบทของวัดพระแก้วและสนามหลวง กลับไม่ได้ลดทอนคุณค่าของสถานที่เดิม แต่กลับช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันให้กลายเป็น “ภาพใหม่” ที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย
สุดท้ายนี้ KAWS ได้พิสูจน์แล้วว่า แบรนด์ที่ทรงพลังไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก และไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบแบบเดิมๆ เพราะเมื่อศิลปะเข้าใจการตลาด และการตลาดเปิดใจกับศิลปะ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสื่อสารที่ไร้คำพูด แต่ทรงพลังจนใครก็ละสายตาไม่ได้
