“เมื่อฉันเป็น CEO ตอนที่อายุ 33”
ประโยคนี้เป็นคำโปรยหลังปกหนังสือ Show me the money บอกสิจะมีเงินได้ยังไง หนังสือเล่มแรกในชีวิต รวบรวมบทความที่เขียนไว้ช่วงอายุ 30 เกี่ยวกับการออมการลงทุน ด้วยการประกาศว่า เมื่อครบรอบอายุ 60 จะเขียนหนังสือเล่าถึงเมื่อฉันเป็น CEO ตอนที่อายุ 33
มีความมุ่งมั่นแกมน่าหมั่นไส้ที่คิดว่า อีก 30 ปีข้างหน้า คงมีเรื่องราวที่ได้แบ่งปัน คงมีแนวความคิดที่ลึกซึ้ง คมคาย ที่สมควรจดบันทึก แม้ว่าจากวันที่อายุ ได้ 33 จวบจนเลิกทำงานประจำ จะได้มีโอกาสนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กรมาโดยตลอด ได้ทำงานร่วมกับคนที่เก่งๆ มีความรู้ความสามารถมากมาย แต่จนถึงวันนี้ที่จะจากลาเลข 5 สู่ เลข 6 ความคิดที่อยากทำหนังสือเกี่ยวกับตัวเอง กลับลดน้อยถอยลงมาก แปรเปลี่ยนเป็นหนังสือในมุมตัวเองสู่เรื่องราวผู้คนที่น่าสนใจกว่า
แต่เพื่อไม่ผิดคำพูด ที่ประกาศออกสื่อ เลยลดทอนมาเป็นบทความนี้แทน และนี่คือเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของคนบ้างานคนนึง ที่เหลือเชื่อว่าสิ่งสำคัญเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผ่านมา 30 ปี แทบไม่เปลี่ยน
1. ความผิดหวัง คือ แรงผลักดันที่มหาศาล
ความผิดหวังที่รุนแรงที่สุด คือการที่ไม่เคยเตรียมใจ หรือคิดว่าจะผิดหวัง และที่แย่ที่สุด คือการที่ทำให้คนที่รักเราผิดหวัง มันเศร้ามาก มันเด่นชัดตอกย้ำ และวันที่ไม่มีใคร ครอบครัวที่เคียงข้างจึงสำคัญที่สุด จนตั้งใจว่าจะต้องไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังอีก
จากตรงนั้น จึงกลายเป็นแรงผลักดันที่มหาศาล และอยากตะโกนดังๆ ว่าไม่ต้องกลัวความผิดหวัง ยิ่งเจอตอนอายุน้อยๆ ยิ่งดี และขอให้กำลังใจพ่อแม่ทุกคนที่กล้าสอนให้ลูกผิดหวัง
.
2. ประสบการณ์ เป็นครูที่ดี พอๆ กับหนังสือนับร้อยเล่ม
ถ้าอยากมีความรู้ ก็เริ่มต้นจากการอ่าน เราจะพบว่าคนเก่งๆ รักการอ่านทุกคน แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือ อ่านหนังสือนับร้อยเล่มแต่ไม่เคยหัดทำข้อสอบ ทำข้อสอบแต่ไม่เคยจับเวลา จับเวลาแต่ไม่เคยทำโจทย์พลิกแพลง และถึงจะซ้อมมามากมายแต่ไม่เคยลงสนามจริง เรื่องราวในชีวิต มันต้องล้มจริง เจ็บจริง มันถึงจะเป็นประสบการณ์ สิ่งที่ใช้เป็นบทเรียนที่ดีได้ คือ ล้มเร็ว ลุกเร็ว ไม่ใช่ล้มเร็ว เจ็บเร็ว เจ็บก่อน
.
3. เวลาเป็นต้นทุนที่สำคัญมาก
ผ่านมาถึงจุดนี้ ค่อยตระหนักรู้ว่า ของที่แพงที่สุด คือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้และในเรื่องราวทั้งหมด สิ่งที่แพงมาก คือ เวลา เพราะทุกคนมีเวลาในชีวิตที่จำกัด แถมยังไม่รู้ว่าเวลาแต่ละคนเหลืออยู่เท่าไหร่ เมื่ออายุล่วงเลยผ่านเลข 5 ก็เตือนตนเสมอว่า หนทางข้างหน้าน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมาแน่นอน จากนี้การใช้เวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ
.
4. Book Smart กับ Street Smart กับการประสานจุดแข็ง
มีประสบการณ์แต่ไม่เติมความรู้ก็เหมือนมีดที่ไม่เคยลับ วันนึงก็หมดความคม คนที่มีแต่ความรู้แต่ไม่กล้าลองก็เหมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน สุดท้ายไม่รู้จริงๆ ว่าความรู้ที่มีอยู่นั้น รู้จริง ทำงานได้รึเปล่า ชีวิตจริง ไม่ใช่โต้วาที ไม่ต้องเลือกข้าง ไม่ต้องยึดติดกับทฤษฎีใด
การเรียนรู้ไม่ว่าวิธีใด อ่านหนังสือ นั่งฟังคนเก่งคุยกัน ล้วนเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น เราควรใช้ในจุดที่ดีของทุกสิ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจที่ดีที่สุด
.
5. เสริมจุดแข็ง เสริมจุดแข็ง เสริมจุดแข็ง
ชัดเจนที่สุด เก่งตรงไหนไปตรงนั้น ชำนาญอะไรก็ทำให้ดีที่สุด ทำงานกับใครแล้วดี ก็ไม่ต้องขวนขวายไปไหนอีก
.
6. ฝึกตั้งคำถาม ฝึกเตรียมคำตอบ
สิ่งที่นางงามเวเนซูเอลล่าชนะมากที่สุด เพราะพวกเธอฝึกตั้งคำถามเป็นพันๆ ข้อ เพื่อเตรียมสำหรับคำถาม 3 นาทีบนเวที ฉะนั้นการตอบก็สำคัญ จึงต้องฝึกตอบอีกหลายพันข้อ เพื่อที่จะได้คำตอบที่ตรงประเด็นและประทับใจ
ชีวิตการ pitch งานเป็นพันๆ ครั้ง สัมภาษณ์และถูกสัมภาษณ์ ที่รอดได้ก็เพราะการถูกฝึกในเรื่องเหล่านี้ ใครที่เคยทำงานด้วย คงคุ้นกับ FAQ ที่หนาเป็นปึก
.
7.เปิดต้องสวย ปิดต้องประทับใจ
เริ่มต้นสวยไม่เท่าปิดประทับใจ แต่ที่จริงต้องสวยทั้งตอนเปิดและปิด ไม่มีอะไรสำเร็จได้จากโชคช่วย อาจมีดวงดาวมาช่วยบ้าง แต่เนื้อแท้หนีไม่พ้น ความสำเร็จมาจากคนที่เตรียมพร้อมเมื่อโอกาสมาถึง และถ้าเตรียมตัวได้ดีพอก็ ไม่ต้องรอโอกาส ออกไปหาโอกาสเองได้
.
8.คู่แข่ง คือ ยาชูกำลัง
ตอนแรกก็เหมือนกินยาขม แต่พอเปลี่ยนมุมมองก็เห็นภาพที่แตกต่าง เลยสังเกตความเก่งของเขา น่าทึ่งมาก ทำไมเขาทำได้บนต้นทุนที่ต่ำกว่าในเวลาที่รวดเร็วกว่า เขาเติบโตแบบไหน ลูกค้าเป็นใคร และหาคนจากที่ไหน เขาฝึกคนอย่างไร ยิ่งดูยิ่งสนุก ยิ่ง research ยิ่งน่าค้นหา เห็นเขาทำอะไรใหม่ก็รู้สึกตื่นเต้น เลยพบว่า ‘ยาชูกำลัง’ ไม่ต้องไปหาจากที่ไหนเลย
.
9. การถูกลูกค้าตำหนิ คือ คำชม
คนไม่รู้จักกัน ใครอยากมาเสียเวลา เรียกอีกคนมาดุด่าว่ากล่าว ทุกเวลาเป็นเงินเป็นทองกันทั้งนั้น แต่ถ้ามีใครเสียสละเวลาที่มีค่าของเขาให้ เราต้องมีสมาธิ รับฟังโดยไม่โต้ตอบ จดจำเรื่องราว และนำมาประมวลผล หาทางแก้ไข รับผิด แล้วตอบกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมคำขอบคุณด้วยใจ เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวเช็คขั้นตอนการทำงาน operation procedure ที่ดีมากๆ
.
10. ลูกน้องที่ดีกับลูกน้องที่น่ากลัว มีค่าพอๆ กัน
แม้จะชอบบอกว่าเลือกลูกน้องที่หน้าตา แต่ความจริงแล้วเลือกที่แววตาต่างหาก และพบว่าจะผิดพลาดน้อยมาก เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจที่แท้จริง เนื่องจากสายงานที่ทำ มันกินพลังงานชีวิตของผู้คนเป็นอาหาร ถ้าใจไม่พร้อมก็ไม่ควรเสียเวลา
ส่วนที่ว่าลูกน้องจะดีหรือน่ากลัวล้วนมีค่า เพราะลูกน้องที่ดี จะทำให้รู้ว่าเราทำอะไรถูก ส่วนอีกแบบก็เหมือนกระจกสะท้อนว่า มีอะไรที่ไม่ถูก และเห็นข้อบกพร่องของเราได้ชัดเจน อยากรู้ว่า คนนี้เป็นนายที่ดีไหม ขอให้ดูที่ลูกน้องของเขา
11. สัดส่วนที่ดี ก็คือสัดส่วนที่ดี
มีเงินเท่าไหร่ดี ควรกันเงินเท่าไหร่เพื่อไปเที่ยว ทำงานถึงอายุเท่าไหร่ เมื่อไหร่ควรแต่งงาน ซื้อบ้านแบบไหน ใช้ชีวิตในเมืองหรือต่างจังหวัด อยู่แบบ luxury หรือ simplicity คำถามเหล่านี้ มีมาตลอดชีวิต
ชีวิตจริงไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จ ไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้ดีกว่าตัวเอง แค่ไม่มีหนี้ที่ใช้คืนไม่ได้ มีงานหรือการลงทุนที่มีรายได้ พอเลี้ยงตัว ดูแลคนได้ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ท่ามกลางคนที่รัก สัดส่วนนี้ดีที่สุดแล้ว… เรื่องราวของกิจการก็เช่นเดียวกัน
.
12. ทำงานให้คนรักกับทำงานให้คนเกลียด ยากพอๆ กัน
เพราะการทำงานให้คนเกลียด มันต้องเบอร์ไหนถึงจะแรงพอ แต่การทำให้คนรัก ก็มีคนบอกว่า จ้างมาทำงาน ไม่ได้จ้างมารักกัน เราเลยมักจบกันที่กลางๆ ไม่รักไม่เกลียด ต่อหน้าก็ยิ้มแย้ม ลับหลังก็นินทาเล็กน้อย แต่ถ้าอยากให้เป็นที่จดจำ มันต้องสุดทาง เพราะในการทำงาน มันมีเรื่องที่ต้องทั้งประสานงาน และประสานงากันอยู่แล้ว
ยอมถูกเกลียดเพราะยึดมั่นในหลักการ ทำอะไรด้วยเหตุผล ยอมหักไม่ยอมงอ แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นคนที่รัก โดยอย่าลืมให้ใจช่วยตัดสิน เพราะอยากได้ใจ ต้องให้ใจ และมองความสำเร็จของงาน ไม่ใช่ ‘เสร็จ’ แค่งานส่วนตน
.
13. ธุรกรรมทำเกิน ทำให้เต็มที่ ตราบเท่าที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น
อยากแก้ presentation ให้งานเนี้ยบขึ้น ทำเลย เปลี่ยนเป็น 10 ครั้งก็ได้ แต่อย่าทำให้ทีมไม่ได้หลับไม่ได้นอน 3 วัน 3 คืน เพื่อความสวยขึ้นโดยเนื้อหาแทบเหมือนเดิม
การทำเกินคือ คิดเผื่อ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ว่าเป็นเรา เราอยากได้อะไรเพิ่มขึ้น ทำโครงสร้างบริษัท ก็ลองดูหลายรูปแบบ ดูผลกระทบดูค่าใช้จ่าย เงื่อนไขเวลา เชื่อเถอะว่าถ้าสามารถส่งมอบได้เกินกว่าที่รับปาก อย่างไรผู้รับก็รู้สึกดี
.
14. การส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด ในทุกช่วงเวลา
ถ้าเข้าใจได้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าสำคัญที่สุด ทุกอย่างที่คุณทำได้ คือส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดในเวลานั้นออกไป ไม่ว่าการใส่ใจ การตอบรับ และการรับปากในเรื่องที่สำคัญ
แม่ค้าขายไก่ทอด จะมีลูกค้ามาไม่ขาดสาย ถ้าเธอเลือกชิ้นที่ดีที่สุดตรงหน้าให้เสมอ เพราะลูกค้าคนถัดมาก็จะได้ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดตรงหน้าอยู่ดี
.
15. การมีเพื่อนดี เป็นเรื่องสำคัญมาก
เพื่อนดีๆ ต้องรักษาไว้ให้มั่น ดูแลเกื้อกูลกันตลอดไป การยืมเงินเพื่อน ลงทุนทำธุรกิจด้วยกัน ชวนกันเล่นหุ้น ชวนมาทำงานด้วยกัน มีความเสี่ยงสูง ที่จริงไม่ใช่จะมีปัญหากันทุกคู่ ถ้ารักและรักษาน้ำใจกัน
.
16. ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ เราต้องทุ่มเท
และเรื่องแบบนี้ไม่มีทางลัด ไม่มีทางเรียบให้เดิน ทุกคนอยากมีประตูลับ เปิดออกไปปัง ประสบความสำเร็จเลย
บอกตรงๆ ถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอาจง่ายกว่าการทำงานทุกจุด ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มทำงาน ทำไปได้ 2-3 ปี หรือทำงานเป็น 10 ปี เราจำเป็นที่จะต้องทุ่มเท ต้องลงมือทำ และทำอย่างตั้งใจ ยิ่งการเป็นหัวหน้างาน ถ้าคุณไม่พร้อมจะทุ่มเท คำแนะนำที่ดีที่สุด คือ ลุกขึ้น และให้คนอื่นทำแทน
.
17. ครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ
ครอบครัวมีความสำคัญมาก แต่คุณต้องจัดเวลาต้องวางแผน เพราะเราไม่มีสิทธิ์ให้คนอื่นรอ เพราะเรื่องส่วนตัวของเรา
ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะไม่มีเขาก็ไม่มีเรา และถ้าครอบครัวไม่เอาคุณ ก็ไม่รู้จะทำอะไรไปเพื่อใคร แต่ Work life balance ไม่ใช่ทำงานบ้างเที่ยวบ้าง หากเป็นการต้องทำงานที่รับผิดชอบให้เสร็จ แล้วจึงไปเที่ยวได้ ทำงานเสร็จก็จัดเวลาพักผ่อน
.
18. การลดราคา ตัดราคา ไม่เคยเป็นกลยุทธที่ยั่งยืน
ประเภทลดราคางานนี้ เผื่อทำงานหน้าด้วยกันอีก ไม่เคยมีงานหน้า งานหน้าก็ต่อราคากันอยู่ดี สู้บอกตรงๆ ว่า ราคาเท่านี้ แล้วถ้าเราทำได้ดี งานหน้าช่วยพิจารณาเราด้วย เพราะไม่มีทางมีงานหน้า ถ้างานวันนี้ทำไม่ดี และถ้าเราต้องทำบนงบที่เรารู้ว่าทำไม่ได้ โอกาสที่จะได้งานดี หาแทบไม่เจอ เราผิดหวัง ลูกค้าผิดหวัง งานหน้าไม่มี
.
19. เรื่องที่คนอื่นทำได้ เราก็ควรทำได้
ต่อเนื่องว่า ราคาที่เราทำไม่ได้ แต่คนอื่นทำได้ งานที่เราทำไม่ได้ ทำไมคนอื่นทำได้ ก็ต้องมาหาสาเหตุว่า เพราะอะไร เขาสายป่านยาวกว่า เขาทำได้เร็วกว่า เขาแม่นกว่า เขาตีโจทย์แตกมากกว่าเรา หรือเราปล่อยจนต้นทุนบวมไปหมด ถึงจะรู้ว่าทำไม่ได้เหมือนเขา ถึงจะแพ้ แต่อย่างน้อยรู้ตัวว่าแพ้เพราะอะไร
.
20. ความฉลาดมีกันทุกคน แต่เพิ่มความเฉลียวบ้าง
ถ้าทุกอย่างไม่เป็นตามแผนจะแก้ไขอย่างไร ความฉลาด คือการวางแผน เตรียมขั้นตอน แต่ความเฉลียว คือการรับมือ หากสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เป็นไปตามแผน
.
21. ความไม่มีเหตุผล คือ เหตุผล
เรื่องที่ไม่มีเหตุผลเลย กลับเป็นเหตุผลในทุกเรื่อง ทำไมวู่วาม ทำไมไม่ใช้เหตุผล ทำไมเราเสนอสินค้าที่ดีที่สุด ราคาถูกสุด ยังไม่มีใครเอา เพราะนั่นเป็นเหตุผลของเรา ไม่ใช่เหตุผลลูกค้า
สินค้าดีที่สุดวัสดุทนทาน ใช้ได้นานปี ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับต้นทุน แทบไม่มีกำไร แต่ลูกค้า กลับชอบของมีดีไซน์ ราคาไม่แพงมากเปลี่ยนได้บ่อยๆ ความไม่มีเหตุผลที่เรามองคนอื่นคือเหตุผลของเขา ขณะที่เหตุผลของเรา ก็อาจถูกมองว่าไม่มีเหตุผลจากคนอื่นเช่นกัน
.
22. กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ
สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งของคนเป็นนาย คือ กล้าตัดสินใจ และความรับผิดชอบสิ่งที่ตามมา แต่การตัดสินใจที่ดี จะมาจากการฝึกสังเกตและความรอบรู้ จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ การคิดแบบเป็นระบบ critical thinking การคิดแบบวิเคราะห์ เข้าใจปัจจัยเหตุและผล
ส่วนความรู้ที่จะเปลี่ยนจาก facts —>data—>information—>decision making เป็นการจัดลำดับข้อมูลที่น่าสนใจ สู่การตัดสินใจ เป็นเรื่องของวิธีการของแต่ละคน
.
23. ความสุขของเรา มาจากคนรอบข้างมีความสุข
สมัยก่อน อยากทำอย่างนี้ มองว่าไม่ได้เบียดเบียนใคร เรามีความสุข คนที่เรารักมีความสุข แค่นี้ก็ดีมากแล้ว แต่พอเปลี่ยนความคิดเพิ่มเติมคือ ถ้าสิ่งที่เราทำ ทำให้คนรอบข้างมีความสุขด้วย เรากลับพบว่า ตัวเองมีความสุขมากยิ่งกว่า
ใครมาขอให้ช่วยอะไร ให้ได้ ก็อยากทำให้ทันที เห็นเขาแก้ปัญหาได้ มีความสุขขึ้น แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แล้วผลของมันก็ส่งต่อเราไปสู่งานที่ทำแล้วมีความสุขมากขึ้น เหมือนเราส่งพลังงานบวกออกไป เขาก็ส่งพลังงานนั้นกลับคืนมาได้มากขึ้นอีก
สุวภา เจริญยิ่ง