ปลดล็อคศักยภาพมนุษย์ เปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI

14 January 2025

Share on

ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ข่าวการมาเยือนไทยของบุคคลระดับโลกด้าน AI ของโปรเฟสเซอร์แอนดรูว์ อึ้ง (Andrew Ng) น่าจะเต็มฟีดของใครหลายคน ประเทศไทยแทบจะไม่เคยมีกูรูด้าน AI หรือเทคระดับโลกมาเยือนเลย มีแต่ข่าวข้ามเราไปเวียดนามหรืออินโดเป็นส่วนใหญ่

 

โปรเฟสเซอร์แอนดรูว์ เป็นตำนานของโลก AI เป็นคนสร้าง google brain มีคอร์สสอนลูกศิษย์ทั่วโลกน่าจะเกือบสิบล้านคน เป็นที่ยอมรับนับถือในวงการเทคโลกเป็นอย่างมาก ล่าสุดก็เพิ่งได้รับเชิญไปเป็นบอร์ดที่ Amazon หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

การมาเยือนของโปรเฟสเซอร์แอนดรูว์รอบนี้ก็ด้วยฝีมือของทาง KBTG บริษัทเทคโนโลยีของ Kbank และคุณกระทิง พูนผล ประธาน KBTG ทำให้เกิดการตื่นตัวในด้าน AI ได้มาก ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อพอดี ผมโชคดีเป็นอย่างมากที่ทำ HOW Club ที่เป็นคลับวิชาการกับกระทิง ก็เลยได้รับเกียรติจากอาจารย์แอนดรูว์ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนในช่วงค่ำเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ตัวจริงของอาจารย์แอนดรูว์นั้นเรียกเป็นอาจารย์ได้อย่างเต็มปาก เพราะอาจารย์มีความเป็นครูสูงมาก มีความเมตตา สุภาพ อ่อนโยน และอยากให้ความรู้ มุมมองแบบไม่กั๊ก เป็นที่ประทับใจกับผู้ได้พบเจอ คอร์สออนไลน์ก็สอนแบบฟรีๆ

 

มุมมองความเป็นมนุษย์จากตำนานของโลก AI

อาจารย์แทบไม่ได้พักจากการบินมาจากอเมริกา ตารางแน่นตลอดสามวัน แถมมีคนขอถ่ายรูปตลอดเวลา อาจารย์ก็ยังยิ้มแย้ม ไม่บ่น ไม่ขอเบรกใดๆ กินง่ายอยู่ง่าย แต่คำพูดและความเห็นนั้นคมคายและลึกซึ้งมากกว่ามิติแค่ AI ไปมาก ผมเองไม่ได้เข้าใจ หรือตามเรื่อง AI ลึกซึ้งแต่ประการใด แต่ชอบฟังเรื่องราวระหว่างบรรทัดของความเป็นมนุษย์ เป็นครูบาอาจารย์ของอาจารย์แอนดรูว์ เลยอยากจะสรุปบางประเด็นที่ชอบและจำได้แม่นจากงาน dinner talk ที่ผ่านมาไว้ดังนี้ครับ

  1. ก่อนถึงคิวอาจารย์แอนดรูว์ อาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมากล่าวเปิดให้ ที่ทำให้ผมประทับใจและต้องจำไว้เป็นบทเรียนเลยก็คือ อาจารย์ชัชชาติ เตรียมตัวมากดีมากๆ แค่กล่าวเปิดอาจารย์ไม่ต้องเตรียมขนาดนี้ก็ได้ อาจารย์ไปอ่านหนังสือของ Kai fu lee เรื่อง AI ที่โด่งดังแล้วไปค้นว่ามีการพูดถึงอาจารย์แอนดรูว์กี่ครั้ง พูดว่าอะไรบ้าง ทำการบ้านมาอย่างดีมากๆ แสดงถึงการให้เกียรติงาน ให้เกียรติวิทยากรและผู้ฟังอย่างน่าชื่นชม 

 

  1. ในมุมของอาจารย์แอนดรูว์ จะต่างจาก futurist หลายๆ คนที่ทำนายว่า AGI (Artificial general Intelligence) หรือการที่ AI จะทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ มีความฉลาด คิด เข้าใจและเรียนรู้เทียบเคียงมนุษย์ได้นั้นจะมาในอีกไม่กี่ปีนี้ อาจารย์แอนดรูว์ ยังน่าจะอีกเป็นสิบๆ ปี 

 

  1. อาจารย์แอนดรูว์ ตอบคำถามว่าในเมื่อ AI เขียนโค้ดได้แล้ว เราจะยังจำเป็นต้องเรียน coding หรือไม่ อาจารย์บอกว่ายิ่งจำเป็นต้องเรียนและอาจารย์ก็จะให้ลูกเรียนด้วย เพราะถ้า code เป็นก็จะคุยกับ AI ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าคนที่ code ไม่เป็นมาก แค่เรียนรู้พอเขียน code ได้เพียงเบื้องต้นก็จะทำงานได้ดีขึ้นในทุกบทบาทงานของบริษัท แถม AI จะช่วยเป็นเพื่อนทำให้การ coding ง่ายขึ้นเพราะจะช่วยแก้ไขได้เร็ว ไม่ต้องงมโข่งแก้ bug ด้วยตัวเองเป็นชั่วโมงๆ อีกต่อไป 

 

  1. อาจารย์แอนดรูว์ บอกว่า ภาวะผู้นำ (leadership) จำเป็นมากๆ ในช่วง disruption แบบนี้ว่าจะสามารถนำทีมเข้าสู่การนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้มากแค่ไหน การที่ผู้นำให้โอกาสกับโครงการที่ใช้ AI เล็กๆ ที่ยังไม่ได้มีกำไร หรือออกดอกออกผลมาก จะทำให้พนักงานกล้าและสามารถฝึกฝนการใช้ AI ได้ซึ่งจะนำมาซึ่งผลกระทบขนาดใหญ่ในอนาคตได้ 

 

  1. สิ่งที่แสดงถึงความเมตตาและการมองโลกที่น่าประทับใจเรื่องหนึ่งก็คือ มีคนถามถึงว่า คนที่จะกลายเป็น useless class ควรจะปรับตัวอย่างไร คำว่า useless class นั้นมาจากนิยามของคนที่ถูกทดแทนด้วย AI ในหนังสือ Sapiens โดยโปรเฟสเซอร์ยูวาล ฮารารี่ พออาจารย์แอนดรูว์ ได้ยินคำนี้ถึงกับตกใจและไม่คิดว่าเราควรจะจัดชั้นคนแบบนั้น อาจารย์พูดย้ำอยู่หลายทีว่าเป็นคำที่ “Awful” มากๆ เพราะเป็นการมองมนุษย์เป็นแค่เครื่องมืออะไรบางอย่าง แสดงถึงวิธีคิดที่เป็นมนุษย์มากๆ ของเทพ AI อย่างอาจารย์ และทำให้รู้สึกดีว่า ถ้าการพัฒนา AI อยู่ในมือคนอย่างอาจารย์ AI ก็ดูจะน่ากลัวน้อยกว่าที่คิดไปมาก

 

  1. อาจารย์แอนดรูว์ ตอบคำถามว่า AI จะมาช่วย Climate crisis หรือวิกฤตโลกร้อนได้อย่างไร อาจารย์เล่าถึงโครงการวิทยาศาสตร์ที่กำลังศึกษาอย่างจริงจังว่าอาจจะช่วยบรรเทาโลกร้อนได้ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ จากข้อมูลที่อาจารย์มี ปีที่ร้อนจัดแบบปีนี้ อาจจะเป็นปีที่เย็นที่สุดของลูกหลานเรานับจากนี้ เพราะโลกจะร้อนทะลุเกณฑ์ที่นักวิทยาศาสตร์ตั้งไว้ว่าถ้าเกิน 2 องศาก็จะหายนะกันทั้งโลก อาจารย์บอกว่าจะทะลุไปเป็น 3-4 องศาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งอาจารย์ก็พยายามผลักดันและศึกษากระบวนการแก้ไขอย่างจริงจังร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ อยู่ด้วยเช่นกัน ไอเดียที่อาจารย์ศึกษาอย่างจริงจังอยู่ก็คือการพ่น aerosol ไปที่ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ เพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์และลดอุณหภูมิโลกได้ 1-2% (Stratospheric Aerosol Injection SAI) ดูจะเป็นไอเดียในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่มันสมองระดับโลกเขาคิดและวิจัยกันอย่างจริงจัง อาจารย์มั่นใจว่ารวมๆ อุณหภูมิโลกลดลงแน่ แต่ไม่รู้ถึงผลกระทบในแต่ละพื้นที่ว่าจะเป็นอย่างไร และยังเป็นไอเดียที่อาจารย์ทุ่มเทอีกสาขาหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาของโลก

 

  1. อาจารย์มองว่าแต่ก่อนแต่ไรนั้น ปัญญา (intelligence) นั้นมีราคาแพงมากเป็นไอเทมที่แพงที่สุดในโลก คนรวยเท่านั้นถึงจะสามารถครอบครองได้ เช่น การเข้าถึงหมอที่เก่งๆ หรือการที่ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง คนรวยถึงผูกขาดปัญญาไว้เฉพาะกลุ่ม แต่ AI จะมาทำให้ปัญญา (intelligence) ถูกลง คนทั่วไปจะได้ไม่ต้องล้มละลายเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยหนักๆ หรือสามารถให้คุณภาพการศึกษาที่ดีกับลูกๆ ได้ในราคาไม่แพง อาจารย์มีความหวังว่าสังคมโดยรวมน่าจะดีขึ้นถ้าคนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงปัญญาในรูปแบบต่างๆ ในราคาถูกลงผ่านการมาถึงของ AI

 

  1. อาจารย์เล่าว่าตอนที่เริ่มใหม่ๆ มีคนช่วยเหลืออาจารย์เยอะมากและไม่สามารถตอบแทน (payback) ได้หมด แต่ก็ตั้งปณิธานว่าจะชดใช้ด้วยการทำเพื่อคนอื่นต่อ (pay it forward) แทน

 

  1. สิ่งที่ทำให้อาจารย์ดูเป็นมนุษย์มากๆ และถูกแซวบนเวทีก็คือ อาจารย์ทำงานด้านนี้หนักจนไม่รู้จักน้องลิซ่า blackpink เลย 

 

  1. น้องพลอย ลุมทอง สรุปไว้ด้วยความประทับใจว่า ครูที่ดี ต้องทำให้ศิษย์รู้จักมีความหวัง อาจารย์แอนดรูว์ ทำให้เราทุกคนรู้สึกว่าประเทศไทยมีหวังและทำให้ทุกคนตื่นเต้นไปกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นและอย่าลืมเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สมกับเป็น “ครูของโลก” น้องพลอยว่าไว้แบบนั้น

 

  1. การมาเยือนของอาจารย์แอนดรูว์ นอกจากจะกระตุ้นหลายภาคส่วนให้ตื่นเต้นและมีความหวังกับการมาถึงของ AI ของไทยแล้ว ยังน่าจะทำให้เป็นหมุดหมายแรกที่น่าจะนำพาเทพ AI หรือคนเก่งๆ ด้านเทคมา

 

ในส่วนที่ผู้เกี่ยวข้อง 

ทีมงานของผมทำได้ก็คือ พยายามทำให้อาจารย์แอนดรูว์ประทับใจเมืองไทยแบบสุดๆ 

จะได้ช่วยไปบอกเล่าว่าประเทศไทยยังมีตัวตนในโลกใหม่และน่าลองแวะมาเยี่ยมเยียนกันต่อไป … 

ซึ่งดูแล้วก็น่าจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน 

Share on

Writer

เขียนโดย ธนา เธียรอัจฉริยะ

Most Popular