‘Zone of Genius’ ทองคำของคนสำเร็จ ที่โชคไม่ช่วย

14 January 2025

Share on

เมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์กระทิง พูนผล เจ้าพ่อ startup ไทยและผู้นำแห่งองค์กรเทคโนโลยีที่ล้ำสุดในไทยอย่าง KBTG ที่ HOW Club กระทิงที่ผมรู้จักมานาน แต่ไม่เคยได้มีโอกาสสัมภาษณ์ลึกๆ ซักที รอบนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ได้เจาะลึกจนตอบคำถามข้อสำคัญที่เกี่ยวกับกระทิงได้

 

กระทิงที่ผมรู้ประวัติเป็นอย่างดีนั้นเคยเล่าว่าโชคดีมีสี่แบบ และเขาเองก็เป็นแบบที่สี่ สามแบบแรกก็คือเป็นแนวถูกหวย ได้มรดก อยู่ถูกที่ถูกเวลา แต่โชคดีแบบที่สี่คือโชคดีที่ไม่มีโชค

 

กระทิงไม่มีโชคใดๆ มาตั้งแต่เกิด จากเด็กชนบทแถวกำแพงเพชร ต้องอาศัยความมุมานะพยายามอย่างหนักจนไปถึงระดับเรียน Stanford ทำงาน Google และมาเป็นกระทิงจนถึงปัจจุบัน ความไม่มีโชคทำให้กระทิงไม่คิดมาก อยากได้อะไรเหมือนคนอื่นก็แค่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายๆ เท่า ก็จะได้มา … เป็นความคิดของกระทิงไม่ว่าทำเรื่องใดก็ตาม

 

กระทิงมีวินัยในระดับเหนือมนุษย์ ซึ่งผมคิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากลำบากใดๆ เพราะฝึกฝนวินัยแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก กระทิงไม่ได้เป็นเด็กฉลาดแต่อาศัยลูกอึด ลูกบ้า อยากชนะคณิตศาสตร์ระดับโอลิมปิกก็ตื่นตีสี่มาทำเลขเป็นชั่วโมงๆ ทำให้ได้ห้าพันข้อก็จะชนะเหรียญทองได้

 

ตอนที่เรียนวิศวะฯ ใหม่ๆ ภาษาอังกฤษห่วยแตกมากแต่อยากเข้า Stanford ที่ TOEFL ต้องเต็ม GMAT ผิดได้ข้อเดียวเป็นขั้นต่ำ กระทิงก็ใช้ความเป็นนายวินัย นามสกุลใจสู้ ตื่นตีสี่เหมือนเดิม อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษทุกคำในหนึ่งฉบับทุกวัน ฟังเทปสอนภาษา ทำข้อสอบซ้ำๆ วันละหลายชั่วโมงอยู่สามปี ในที่สุดก็ได้คะแนนตามที่ต้องการ

 

 

ลูกอึดของกระทิงที่กลายเป็นชีวิตประจำวันไปแล้ว ขนาดตอนที่มีตำแหน่งสูงแบบนี้ ทำงานเสร็จค่ำๆ ตีหนึ่งก็เริ่มเรียน AI online ถึงตีสี่แทบทุกวันจนได้ certificate หลายใบ

 

กระทิงว่างเป็นอ่านหนังสือ อ่านจบแต่ละปีเป็นร้อยๆ เล่ม แต่ละเล่มยากและหนาในระดับที่ผมอ่านได้ซักสองเล่มต่อปีก็หืดจับ จากเรียนรู้อะไรก็ใช้เวลากับมัน ถ้าใช้เวลามากพอก็จะเก่งได้ทุกคน กระทิงเล่าไว้แบบนั้น

 

แต่ที่ผมสงสัยมานานและเพิ่งได้คำตอบก็คือ กระทิงเป็นคนที่ริเริ่มทำงานใหม่ๆ ได้ตลอดเวลาและทำได้ดีเสียด้วย ความพยายามอย่างหนักอาจจะพามาซึ่งความเก่งเฉพาะทาง แต่ทำไมกระทิงถึงทำอะไรสำเร็จหลายอย่างได้ ทั้งเป็นประธาน KBTG ดูแลคนเป็นพันและมีผลงานเด่นๆ ออกมามากมาย ในขณะที่ก็ดูแลกองทุน 500 startup เพิ่งตั้งกองทุนใหม่อีกกอง เสาร์อาทิตย์ก็สอนหลักสูตร CXO มาแล้วหลายรุ่น ไม่รวมถึงค่ำๆ วันธรรมดาและวันหยุดก็ทำ HOW Club กับผมได้อีก ไฟแรงไม่มีตก แถมทำได้ดีมากๆ อีกด้วย งานหนึ่งก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว แต่สร้างสรรค์งานใหม่ๆ ออกมาได้โดยที่ของเก่าก็ยังดีต่อเนื่องนี่แทบนึกไม่ออกว่าทำได้อย่างไร

 

จนกระทิงเล่าถึงหลักคิดที่เขานำมาใช้ เป็นหลักคิดของคุณ Naval Ravikant Executive coach ชื่อดังจาก Silicon Valley แหล่งคิดนวัตกรรมใหม่ของโลก

 

 

คุณนาวาลมีเครื่องมือที่ไว้ประเมินภาวะผู้นำในการทำงานว่า ในพื้นที่การงานของเรานั้นจะมีสี่โซน

 

  • โซนแรกคือ Zone of Incompetence เป็นงานที่เราทำได้ไม่ดีเลย ทำทีไรก็มักจะมี negative feedback เสมอ และมีคนพร้อมที่จะทำได้ดีกว่าเรา (สำหรับผมก็คืองานละเอียดๆ ที่ต้องใช้ข้อมูลมากๆ ห่วยมาตั้งแต่เริ่มงาน)

 

  • โซนที่สองเรียกว่า Zone of Competence คือลักษณะงานที่เราพอทำได้ ไม่ได้เด่นกว่าคนอื่นแต่ก็ไม่ได้แย่และทำไปก็งั้นๆ ไม่ได้รู้สึกว่าสนุกกับมันเท่าไหร่

 

  • โซนที่สามเรียกว่า Zone of Excellence คือลักษณะงานที่ทำไปก็ได้รับคำชมตลอดเวลา เพราะเราทำได้ดีกว่าคนอื่น ยิ่งทำยิ่งเก่งและโดดเด่นอย่างมาก แต่เราไม่ได้ชอบทำมันเท่าไหร่ กระทิงบอกว่าผู้นำองค์กรส่วนใหญ่จะโตขึ้นมาและติดกับดักนี้เพราะทำได้ดีมาก มีประโยชน์ต่อองค์กร บริษัทเห็นค่ามากๆ แต่พลังเรากลับลดลงเรื่อยๆ

 

  • โซนสุดท้ายเรียกว่า Zone of Genius เป็นงานที่เราทำแล้วแทบลืมเวลา และทำแล้วก็ได้ผลงานดีมากเมื่อเทียบกับเวลาที่ใช้ไป เป็นโซนที่ดีทั้งองค์กรและดีทั้งตัวเอง ยิ่งทำยิ่งมีพลังและยิ่งเก่งขึ้น ซึ่งผู้นำที่เก่งจะต้องเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในลักษณะงานแบบนี้ให้ได้เป็นส่วนใหญ่ของงานทั้งหมด

 

 

โดยที่งานที่เราทำได้ดีแต่ไม่ได้ชอบทำอย่าง Zone of Excellence เราก็ควรพยายามหาคนที่ทำได้มาทำแทนให้มากที่สุด หรือถ้าตัดออกได้ก็ตัด ตัดไม่ได้จริงๆ ก็พยายามให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น และยิ่งถ้าหาคนที่ชอบทำได้ด้วย Zone of Excellence ของเราก็อาจจะเป็น Zone of Genius ของเขาก็ได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ทั้งเขาและเราได้ประโยชน์ทั้งคู่ในที่สุด

 

พอฟังกระทิงเรื่อง Zone of Genius ถึงได้เข้าใจว่า ที่กระทิงมีพลังทำเรื่องใหม่ๆ ได้หลายอย่างนั้นเพราะนอกจากความมีวินัยขั้นสุดของกระทิงที่โดดเด่นมากๆ นั้น ยังมีสิ่งที่คนไม่ได้สังเกตเห็นก็คือ ความสามารถในการหาคนเก่งมาทำงานแทนงานที่ตัวเองทำได้ดีแต่ไม่ได้ชอบทำ เท่าที่ผมพอรู้ ไม่ว่าจะเป็นงานกองทุนที่มีน้องมะเหมี่ยวที่แสนเก่ง หรืองาน System ก็มีพี่ต้อมที่มีฝีมือระดับเทพและชอบงานแบบนี้มาดูแล

 

ไม่พูดถึงคนเก่งๆ ที่รายล้อมกระทิงอีกจำนวนมาก ซึ่งคนเหล่านี้ก็ได้ทำใน Zone of Genius ของตัวเอง และกระทิงก็ได้ขยับขยายเข้า Zone of Genius ของตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นเรื่อง Startup AI และเรื่องสอนคน

 

 

การประเมินตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นผู้นำองค์กร หรือคนทำงานในสี่โซนนี้นั้น น่าจะทำให้เราอาจจะหาคำตอบถึงสภาวะทำงานเท่าไหร่ก็ไม่ก้าวหน้า หรือเจอสภาวะ Burnout อยู่ก็อาจเป็นได้

 

ถ้าเราอยู่ใน Zone of Incompetence หรือ Competence นี่ก็ต้องรีบขยับขยาย ใช้วินัย ใช้การฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเองให้เข้า Zone of Excellence ให้ได้ ไม่งั้นนานไปจะลำบาก ถ้าอยู่ใน Zone of Excellence แล้วอยากก้าวหน้าต่อก็น่าจะต้องหาคนเก่งมารับแทน เพื่อเราจะได้เอาตัวเองเข้าสู่ Zone of Genius

 

เสาะแสวงหาพัฒนาตัวเองให้เก่งด้วยและได้ทำงานที่รักและชอบด้วย อันจะนำมาซึ่งทั้งความสำเร็จในหน้าที่การงานและความสุขในตัวเองเหมือนอย่างกระทิงก็ได้นะครับ

Share on

Writer

เขียนโดย ธนา เธียรอัจฉริยะ

Photographer

H.O.W. Photographer

Most Popular