𝐆𝐔𝐒𝐒 𝐃𝐀𝐌𝐍 𝐆𝐎𝐎𝐃 จุดเริ่มต้นคนชอบ “กินขนม” มาพบกับคนชอบ “กินไอศกรีม”
ผู้ก่อตั้ง Guss Damn Good ทั้ง 2 ท่าน ท่านแรกคือคุณระริน เมื่อเรียนจบจากบัญชี จุฬาฯ ก็ไปทำงานด้าน IR อยู่ที่ CP All ส่วนคุณนที จบด้านวิศวะฯ จุฬาฯ ก็ไปเป็น BD อยู่ที่ SCG ทั้งคู่ได้ไปพบระหว่างเรียนต่อที่โทฯ ที่ Babson College
ด้วยความที่คุณระรินชอบกินขนม ส่วนคุณนทีชอบกินไอศกรีมก็ชวนกันไปฝังตัวที่ร้านกินไอศกรีมทุกคืน ที่ Boston จะมีไอศกรีมดีๆ ให้ทานเยอะมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้จัก Craft Ice cream หรือไอศกรีมที่จบในถ้วย สมัย 10 ปีที่แล้วยังไม่มี Craft ice cream ส่วนใหญ่ที่ไทยมักจะใส่ Dry ice มี Topping เยอะๆ
Idea เกิดจากคืนหิมะตก
ทั้งสองมองออกไปนอกร้านไอติมยามค่ำคืน ก็พบว่าที่หน้าร้านมีคนต่อคิวหนาแน่น ทั้งๆ ที่หนาวแต่ยังกินไอศกรีม จึงได้พบว่าพวกเขาชอบทานกันเพื่อให้นึกถึงช่วงฤดูร้อน จึงได้ความหมายของ Ice Cream ที่เป็นมากกว่าแค่ของหวาน แต่เป็น moment ที่คนสัมผัสได้ หรือ Craft ice-cream ที่มี “feeling”
เมื่อความฝันไม่ได้เป็นเส้นตรง
เมื่อชอบกิน.. แต่ทำไม่เป็น ในตอนแรกก็เลยไปดีลแบรนด์ Toscanini แต่ดีลไม่เกิด แต่สิ่งที่ได้มาคือ เขาให้ Textbook กลับมาให้อ่านตามเยอะมาก คุณนทีและคุณระรินจึงเริ่มจริงจังกับ “วิทยาศาสตร์” ของการทำไอศกรีม
ระหว่างช่วงที่อยู่ที่อเมริกา จึงตระเวนกินไอศกรีมกันเยอะมาก เลยค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ พอยิ่งศึกษา ก็ยิ่งอยากเรียนเยอะขึ้น พอกลับมาไทย ก็เลยมาลองทำธุรกิจกัน
กลับไทย.. ล้มลุก คลุกคลาน
คุณระรินมีตึกแถว ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการมานั่งสิงกันที่นี่ เพื่อทดลองทุกอย่างในการหา combination พื้นฐาน โดยสิ่งที่ทำเป็น science หมด ทั้ง % fat – solid – water ทุกอย่างเริ่มจากในตาราง Excel
เกร็ดความรู้คือ ไอศกรีมที่ดีควรจะเป็น “Warm Eating” ไม่ควรกินแล้วเสียวฟัน ควรจะทานแล้ว “อบอุ่น” ในช่องปาก ซึ่งจะเกิดได้จากการ balance สูตรที่ดีได้เท่านั้น
สูตรแรกของกัส คือ 𝐷𝑜𝑛’𝑡 𝐺𝑖𝑣𝑒 𝑈𝑝 18 (รสนม) ที่มาของชื่อนี้คือ กว่าจะได้สูตรที่ใช่ก็ “ครั้งที่ 18” มันคือรสชาติที่ใกล้เคียงที่สุดในบอสตันแห่งความทรงจำ แต่รสที่ขายได้ กินได้ ก็คือรสที่ 30 ลองกันกินกันจนอ้วกไปเลย (ฮา)
เริ่มเล็กๆ ด้วย passion ใหญ่ๆ
กัสไม่ได้เริ่มจากการใช้เงินเยอะ ลงทุนกันเงินก้อนแรก 5 แสน ก็ไปทุ่มซื้อเครื่องทำไอศกรีมที่ดีที่สุด 4 แสน ที่เหลือก็เอาไปซื้อวัตถุดิบมาทดลอง
ส่วนจุดเริ่มต้นของชื่อแบรนด์ เริ่มจากที่ชอบชื่อ “Guss” โดยมาจาก Focus + Gut Feelings คุณระรินอยากจะทำที่ๆ เป็นศูนย์รวมคนทำงานที่เชื่อมกันผ่าน Ice cream จนถึงจุดหนึ่งนำไปให้รุ่นพี่ชิม แล้วเขาพูดว่า “Guss มัน Damn Good ว่ะ” ก็เลยชอบ และใช้ชื่อนี้ต่อมา
Fail แรก
ตอนแรกอยากไปเปิดทองหล่อ สุขุมวิท แต่ค่าเช่าแพงมาก ก็เลยไปออก flea market ด้วยรสชาติแรกรสเดียว เอากล่องโฟมไปเดินถือในงาน ขายไม่ได้สักอันเลย น่าจะเพราะมีรสเดียว แต่โชคดีมี blogger ไป review อยากลอง concept ให้รู้ว่า work หรือไม่ ที่บ้านก็มองไม่เห็นทาง แต่ทั้งสองคนอยากลอง ไม่ได้ลงทุนเกินตัว
พอได้สูตรนมมาแล้ว สูตรต่อไปมันจะโอเคขึ้นมาก ทำต่อได้เป็น 10 รสแรก และที่แจ้งเกิดจริงๆ คืองาน sansiri รวมร้านดังๆ ตอนนั้นเอาไป 10 รส ทำ presentation เข้าไปจนได้พื้นที่เล็กๆ ตรง Habito zone food truck เป็นเหมือนรถซาเล้ง งานนั้นทำให้เกิดเพราะ Foodie เยอะ และตู้แรกอยู่ที่ Kuppadeli Siam ปัจจุบันปิดไปแล้ว
รสชาติต่างๆ เราจะไม่เขียนชื่อ (ติสท์มาก) อยากโชว์ความรู้สึก มันเกิดจาก feeling แต่ละที่ๆ ไป คิวก็เลยยาวมาก เพราะคนอยากลอง … แถวยาวเหมือนดูขายดี จริงๆ แล้วคนคุยนาน เพราะเล่าเรื่องเยอะต่างหาก (ฮา)
ดีไซน์ให้ต่าง
เราจ้างกราฟฟิคด้วยบรีฟที่ว่า
- มันมีความรู้สึกเลยอยากให้ font มี stroke
- ตัว “don’t give up” มันต้องเป็นลายมือ ไม่ใช่ font มันต้อง “พูดกับคนได้”
- ทุกกรอบคือ ต้องโชว์ความรู้สึกให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องพูดกับคนมากมาย
ในตู้ไอติมเมื่อก่อน ถ้วยแก้วมันจะเก่า มีน้ำแข็งเกาะ เราไม่รู้ผลิตเมื่อไหร่ ดังนั้น โจทย์คือทำอย่างไรให้ Package “มีชีวิต” ผลที่ออกมาคือ คนสะสมฝา คนถ่ายฝาของ Guss Damn Good
ร้านแรก
ตั้งอยู่ที่ศาลาแดง ซอย 1 ขนาดกว้าง 1 x 7 m. เป็นฟุตบาทที่พี่วินกินเบียร์แถวนั้น ค่าเช่าถูก เราขายดีเพราะตรงนั้นมี bank / office ต่างชาติเยอะ ซึ่งเป็นลูกค้า delivery เรา เวลาไปออกงาน ก็บอกได้แล้วว่าเรามีสาขาที่นี่ ทำให้จับทางได้กับราคาและพื้นที่ Idea คือ คิดทุกรสจาก moment ตรงนั้น
แก่นของแบรนด์
ริเน็น (ปรัชญาการบริหารธุรกิจแบบญี่ปุ่น) ของ Guss Damn Good คือ อยู่เพื่อ Activate damn good feeling ให้กับผู้คน เพราะคนกินไอติมเราแล้วมีความสุข ทุกอย่างเริ่มจากเรื่องราว ice cream ของ gdg คือตัวกลางในการเล่าเรื่องนั้นๆ
- Vision “มันคงจะดีมากๆ ถ้าทุกโมเม้นต์ของคุณมีกัสอยู่ด้วย”
- Value “เราเชื่อว่าไอศครีมมีความรู้สึก สามารถส่งต่อผ่านถึงกันได้”
ส่วน idea ของแคมเปญดีๆ เกิดขึ้นมาจาก. การที่ไม่มี Marketing budget เราเลยสร้าง budget of fun ที่จะเอามาคุยในห้อง creative อย่างของ april fools day อันนั้นเป็นไอเดียที่ 5 ที่คุยกันแล้วมันขำ ก็เลยทำอันนั้น
วิธีนำของเค็มมาทำไอติม
กัสมีความเก่งตรงการทำไอติมอร่อย เราจึงจริงจังกับการบ่มอาหารหรืออื่นๆ ให้เป็นส่วนผสมไอเดียที่อร่อย ล่าสุดที่ทำ Guss damn goose ก็ต้องเอาห่านไปบ่มคาราเมล ขายดีมาก
Guss x Scrubb เกิดจากคุณระรินชอบวง Srubb รอตอนลงจากเวที พี่บอลพี่เมื่อยเล่นด้วย เลยเล่นใหญ่เลย จาก Sea scape ก็ทำเป็นเดือน icecream month พี่ๆ มาเล่นดนตรีให้
Co-Branding ดีอย่างไร?
เมื่อ co. brand ใหญ่ เขาจะมากับ budget ด้วยซึ่งเป็นเรื่องดี ตอนนี้ co มา 60 brands ในตลอด 8 ปีแล้ว เขาอยากให้เรา craft story ให้เค้ามาเป็นรสชาติ ซึ่งแบรนต์ต่างๆ มองว่าอยากได้ฐานลูกค้ากัสด้วย เพราะลูกค้ากัสเป็นคนรุ่นใหม่
หลังๆ กัสเน้นทำเป็นคนเบื้องหลัง ทำ project OEM, ODM มากขึ้น เพราะอยากให้ event ของเค้ามีไอศกรีมอร่อยๆ ทานในงาน อาทิเช่น
- OEM Valentino x Monocle
- ODM rimowa launch สีมินต์ กับ papaya
Guss Damn Good Grocery ที่เป็นเทรนด์
เกิด Idea มาจาก National ice cream month เดือน ก.ค. ของอเมริกา เลยอยากทำให้เดือน ก.ค. ให้คนกินไอติมเยอะที่สุดและอร่อยที่สุด จึงมีคำถามว่า “ปีนี้เราจะทำอะไร” และเริ่ม List จากทำอะไรให้เราสนุก ตอนแรกจะเป็น collabs กับศิลปินเจ้าดังท่านนึง แต่ไม่เกิดเพราะเราไม่มีตัง!?? ก็เลยเลือกในการทำอะไรของเราเอง
โดยเราได้แรงบันดาลใจมาจาก Anya Hindmarch : Icecream project เค้าทำการ co brand มา 3 ปีแล้ว สิ่งที่เค้าทำ คือการ x กับ international brand แล้วทำเป็น popup store ใน London สื่อทั่วโลกสนใจมาก และมันถ่ายรูปขึ้น มันดูสนุก ก็เลยอยากทำกับแบรนด์ไทยที่โตขึ้นมาแล้วมีความทรงจำ
เริ่มจากการถามจาก Category ก่อน แล้วไปถาม Gen Z ว่าคิดถึงแบรนด์อะไร.. จึงติดต่อแบรนด์ ซึ่งเป็น top brands ที่ชัดเจนในสิ่งที่เค้าทำมานาน พอถามไปแล้วทุกแบรนด์ตอบรับมา ก็เลยถึงทำ 9 รส
เป็นความโชคดีที่เราได้ติดต่อกับเจ้าของตรงเลย ซึ่งดีใจมากที่ลูกค้าบอกว่าไอติมเค้าอร่อย อย่างมาม่าหวงแบรนด์มาก ปกติไม่ collabs ใคร แต่กินกัสอยู่แล้วเลยเชื่อในตัวเราว่าเราทำได้
การเป็นแบรนด์ที่อยู่มาอย่างยาวนาน
Guss Damn Good เป็นเจ้าแรกๆ ที่ introduce การกินไอติมแบบจริงจัง เน้น texture ให้ดี craft ให้ดี ใส่ของให้ครบถ้วย พอไปเน้นกับ “ความรู้สึกคน” มันเลยยิ่งจับใจ ไม่ได้เป็นแค่ขนมหวาน
ลูกค้าหลายคนส่งรส “Don’t give up” ให้เพื่อนๆ ที่หมดพลังใจ “กัสเลยไม่ใช่แค่ไอศครีม แต่กลายเป็นของแทนความรู้สึก”ส่งผ่านไปแล้ว มันเป็นเป็น emotional value ไม่ใช่แค่สินค้า จึงทำให้อยู่ได้ยาวถึงทุกวันนี้
เร็วๆนี้ คุณระรินและคุณนที กำลังทำไอติมสายไทยๆ ให้เป็นไอติมกะทิที่อร่อยระดับโลก อยากให้ทุกคนรอดูกันค่ะ
จากใจแฟนคลับที่ติดตามมานาน วันนี้ดีใจมากที่มีโอกาสได้รู้จุดกำเนิดของแบรนด์และแนวคิดหลายผลงาน
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน
หากผิดพลาดอะไรขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ
….
@HOWclub by Ployzae