งานแรกที่ P&G ในตำแหน่ง Engineering and Technical System ที่เป็นคนดูแลระบบตอนปั่นแชมพู เขาทำแชมพูเจ๊งไป 6 ตัน มูลค่าความเสียหายตอนนั้นน่าจะราว 2-3 ล้านบาท
ช่วงที่ทำงานใน Google สำนักงานใหญ่ที่ซิลิคอนแวลลีย์แรกๆ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าการอยู่ท่ามกลางคนเก่งระดับโลก ทำให้ช่วงแรกๆ เขารู้สึกพ่ายแพ้ทุกวัน
ตอนที่เป็นหัวหอกคนสำคัญในการทำให้ Google Earth เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เขาเคยเครียดถึงขนาดอาเจียนออกมาเป็นเลือด
หรือตอนที่ย้ายไปเป็นผู้บริหารบริษัทอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่งจนเป็นข่าวใหญ่โต แต่หลายสิ่งก็ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ จนสุดท้ายต้องลาออกในระยะเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาตกงานโดยไม่ตั้งใจ
ตอนที่รู้ว่าต้องคุยกับ เรืองโรจน์ พูนผล หรือ ‘พี่กระทิง’ ของน้องๆ ในทีม ถึงเรื่องผิดพลาดในชีวิตและสิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้ เราคิดว่าคำตอบน่าจะไม่พ้นเรื่องราวข้างต้นที่เขาเล่าไว้ในหลายๆ สื่อ แต่เรื่องที่เขาเลือกเล่าในคอลัมน์ Fail & Learn ตอนนี้กลับไม่ใช่เรื่องราวเหล่านั้น หากแต่เป็นอีกเรื่องที่เขาบอกว่ามันมากความผิดพลาดและยิ่งใหญ่กว่าบาดแผล
หลายเรื่องอย่าคิดว่ามันเป็นบาดแผล มันไม่ใช่ อย่างตอนทำงานที่ Google มันก็ struggling แหละ Google เป็นที่ทํางานที่แรกที่พี่ทํางานจนอ้วกเป็นเลือด งานมันยาก มันโหดมาก ตอนนั้นเป็นช่วงพีคของ Google ด้วย แต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาได้ พี่ก็ไม่คิดว่ามันเป็นบาดแผลใดๆ
“บาดแผลสําหรับพี่มันต้องยิ่งใหญ่เพียงพอ ขนาดที่มันลงไปกัดกินกระทั่งจิตวิญญาณ ถ้ามันไม่ถึงอย่างนั้นอย่าเรียกว่าบาดแผล”
Fail
————————————————-
ฉันจะทําทุกอย่างเพื่อให้พ่อยอมรับตัวตนของฉันให้ได้
“บาดแผลที่ลึกที่สุดของเราหลายครั้งมันอยู่ลึกมากระดับจิตวิญญาณ แล้วพี่เองก็เพิ่งรู้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า มันเป็นบาดแผลที่ยิ่งใหญ่”
ย้อนกลับไปสมัยก่อน พ่อพี่เขาทํางานต่างจังหวัด อยู่ชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ชายแดนเบตง จังหวัดยะลา ปีหนึ่งกลับบ้านมาแค่ 2 ครั้ง แล้วเป็นอย่างนั้นสิบๆ ปี พี่ได้เจอพ่อหลักสิบครั้งตลอดชีวิตช่วงเติบโตขึ้นมา ดังนั้นพี่จะมีความรู้สึกว่า ทุกครั้งเราอยากให้พ่อภูมิใจ แล้วมันจะมีปมเสมอคือเรื่องขาดพ่อ แล้วมันเลยทำให้เราคิดว่าฉันจะทําทุกอย่างเพื่อให้พ่อยอมรับตัวตนของฉันให้ได้ และให้เขารักฉัน ฉันอยากพิสูจน์ตัวเองกับคนคนนี้ เพราะตอนนั้นเราอยู่กับแม่ คือพ่อรักพี่นะ แต่พ่อไม่ได้มีเวลาให้ ทุกครั้งที่เขามาเขารักเรามาก
แล้วสิ่งที่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่คือตอนปี 2019 ซึ่งเป็นปีแรกที่พี่มาทํางานที่ KBTG
จริงๆ พ่อภูมิใจในตัวฉันมากๆ
ตอนนั้นพี่พาผู้บริหาร KBTG ไปประชุมคร้ังแรกที่เขาใหญ่ แล้วแม่พี่โทรมาบอกว่าพ่อพี่เสียชีวิตอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งแม่พี่ไม่เคยร้องไห้เลยนะ แต่ตอนนั้นโทรมาร้องไห้ แม่เองเคยหยุดหายใจ ต้องเสียบออกซิเจนจนไปถึงก้านปอด แล้วปั๊มออกซิเจนเข้าไปเพื่อฟื้นชีวิตกลับมา เพราะแม่พี่เป็นหอบหืดเรื้อรัง ซึ่งตอนนั้นแม่ยังไม่ร้องไห้เลย แต่ตอนพ่อเสียเป็นครั้งแรกที่แม่ร้องไห้
แล้วคิดดูสิ คือแม่พี่ร้องไห้ครั้งแรก แล้วบอกว่าทิงรีบมานะ พ่อเสียชีวิตแล้ว แล้วพี่ต้องตัดสินใจว่าจะไปงานศพพ่อหรืออยู่ที่นั่นต่อ เพราะว่าตอนนั้นทํางานยังไม่เสร็จ แล้วพ่อพี่เคยพูดประโยคหนึ่งที่เราจำฝังใจเลยว่า ‘ทิงจําไว้นะ จงทํางานให้สําเร็จ’
ที่ผ่านมา ก่อนที่พี่จะมาทำงานที่ KBTG พ่อไม่เคยรู้เลยว่าเราทํางานอะไร Venture Capital คืออะไรเหรอ เพราะพ่อพี่เป็นข้าราชการ ทำงานที่กรมที่ดินตลอดชีวิต ไม่เคยรู้ว่าสตาร์ทอัพคืออะไร แต่พอมาทํางานที่ KBank พ่อรู้แล้ว พ่อพูดได้อย่างภูมิใจ ดังนั้นมันเลยกลายเป็นสิ่งที่มันเข้ามาบอกว่า เฮ้ย ฉันทําสิ่งนี้แล้วพ่อภูมิใจ และฉันรู้แล้วว่าจริงๆ พ่อภูมิใจในตัวฉันมากๆ ก่อนหน้านี้พ่อไม่รู้ว่าฉันทําอะไร พ่ออธิบายให้เพื่อนฟังยาก แต่พอมาทํางานนี้ปุ๊บแล้วเรารู้เลย
ตอนนั้นมันเกิด paradox และความรู้สึกที่มัน clash กัน ด้านหนึ่งคือฉันต้องไปอยู่กับครอบครัว แต่อีกด้านหนึ่งคืองานที่ฉันต้องทำ แล้วพ่อจะบอกฉันเสมอว่า ‘อย่าทิ้งงานนะทิง’ และพ่อมักจะบอกว่า ‘จงทําให้คุณปั้นภูมิใจ’ เพราะคุณพ่อเขานับถือคุณปั้น–บัณฑูร ล่ำซำ มากๆ แล้วก็นับถือ KBank มาก มันเลยเกิด paradox
มันเป็น dilemma ด้านหนึ่งคือครอบครัว พ่อเพิ่งเสียชีวิตแล้วแม่ร้องไห้ครั้งแรก ส่วนอีกด้านคือแบบถ้าฉันทิ้งงานไปจะเป็นยังไง เพราะประชุมยังไม่เสร็จ ซึ่งตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เราพาผู้บริหารไปประชุม
“แล้วพี่ก็ตัดสินใจผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่”
เหมือนหัวใจหายไปครึ่งดวง
ตอนนั้นพี่ตัดสินใจอยู่ประชุมต่อจนเสร็จ แล้ววันรุ่งขึ้นตอนเย็นถึงไปร่วมงานศพคุณพ่อ ตอนไปถึงพี่ร้องไห้นะ แต่ไม่ได้ร้องหนักเท่าที่คิด มันเหมือนเรารู้สึกร้องไห้ไม่ออก เราเสียใจมากแล้วกดความรู้สึกนั้นไว้ แล้วมันกลายเป็นปมที่พัวพันกันหมดเลย พี่เรียกมันว่ายิ่งกว่าบาดแผลอีกนะ มันเหมือนหัวใจหายไปครึ่งดวง หนึ่งคือเรารู้สึกผิด สองก็คือรู้สึกว่าฉันไม่ได้ทิ้งพ่อคนเดียว แต่ฉันทิ้งครอบครัวในจังหวะที่เขาต้องการฉันที่สุด
แล้วเชื่อไหม หลังจากนั้นพี่ไม่รู้สึกอะไรเลย จน 2020 จน 2021 มันบาดเจ็บซะจนพี่กดมันเอาไว้ คือไม่เคยยอมรับเลยว่ามันมีอยู่ คือที่ผ่านมาฉันทําทุกอย่าง เพื่ออยากให้พ่อรักฉัน เพื่อให้พ่อ validate ฉัน เพื่อให้พ่อภูมิใจในตัวฉัน
“สำหรับเรามันไม่ใช่แค่บาดแผล บาดแผลบางทีมันยังฮีลได้ แต่อันนี้ไม่รู้จะรักษายังไง มันไม่ใช่แผล มันยิ่งใหญ่กว่าแผลอีก เรากดมันไว้ลึกสุด แล้วสุดท้ายมันไปกัดกินวิญญาณ”
บาดแผลมันจะ define ตัวเราเสมอ
จนเมื่อปี 2021 เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา ตอนนั้นลูกของลูกน้องพี่เสียชีวิตจากโควิด แล้ววันรุ่งขึ้นลูกน้องคนนี้เขายังมาทํางาน มันทำให้ภาพมันย้อนกลับไปเลยว่า ฉันสร้างองค์กรที่ผิด ฉันเป็นผู้นําที่แย่หรือเปล่า ฉันไม่อยากให้ใครตัดสินใจผิดเหมือนฉัน เพราะตอนนั้นฉันตัดสินใจผิด ฉันควรจะเลือกครอบครัว แล้วฉันรู้เลยว่าเหมือนกันเด๊ะ คือตอนนั้นฉันลุกขึ้นมาทํางาน และพยายามไม่เสียใจ ฉันกดมันไว้ตลอด 2 ปี
“แล้วตอนนั้นมันก็ระเบิดตู้ม”
“ตอนนั้นพี่อยู่บนคอนโดชั้น 19 แล้วพี่มองลงมาที่พื้นคอนโด แล้วพี่เห็นว่ามันสวยกว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คิดแบบนั้น พี่ชื่อกระทิง อึด ถึก ทน ดูจิตใจเข้มแข็งมาก แต่ตอนนั้นรู้สึกเลยว่ามองลงไปแล้วพื้นสวยกว่า อยากกระโดดลงไป แต่โชคดีที่มีภรรยา มีครอบครัว ช่วยดึงเรากลับมา
พี่ว่าอันนี้มันยิ่งกว่าบาดแผล แล้วตอนนั้นคือมันสุดจริงๆ พี่เองก็ไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนั้น ใช้เวลาเยียวยาจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย พอพูดถึงเราก็ยังเสียใจ เรายังเจ็บใจ แล้วพี่รู้สึกว่าหลายครั้งไอ้สิ่งที่มันเป็นบาดแผล หรือยิ่งกว่าบาดแผล มันจะ define ตัวเราเสมอ แต่เราก็สามารถใช้มันเป็นสิ่งที่มอบพลังและช่วยเป็นบทเรียนให้เรา
“มันสามารถช่วยเป็นพลังและเป็นเข็มทิศในการใช้ชีวิตเราได้”
Learn
————————————————-
แผลใจไม่ได้ฮีลง่ายแบบนั้น
ตอนนั้นที่เสียใจหนักหน่วง พี่เจอ spiritual coach คนหนึ่ง เขาเป็น leadership coach แต่เขาเก่งเรื่อง spiritual มาก เขาช่วยเราขุดจนกระทั่งลงไปถึงตรงนั้นได้ ว่าคุณมีปมอันนี้ ยอมรับมันเถอะ เพราะที่ผ่านมาเราไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
แต่การที่จะกล้าเผชิญหน้ากับมันได้ สําหรับผมคือเราต้องรักตัวเองให้เป็นก่อน บางทีเราลืมที่จะรักตัวเองในทุกอย่าง ยอมรับในตัวตนของเราเอง self-love, self-affection เริ่มจากพื้นฐานคือยอมรับตัวเราเอง คุณต้องมีสิ่งนี้ก่อน ถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้ ไม่มีทางเลยที่คุณจะกล้าเผชิญหน้า แล้วถัดมาคุณอาจจะต้องมีความรักจากคนรอบข้าง ช่วยให้คุณกล้าเผชิญหน้ากับบาดแผลที่ยิ่งใหญ่ของคุณ
พี่เรียนรู้ว่าบาดแผลหลายอย่างบางครั้งมันเป็นตัวที่ทําให้เรามาถึงตรงนี้หรือจะไปไกลกว่านั้นได้ แต่สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือ คุณต้องสามารถอยู่กับมันแบบสันติ นี่เป็นเรื่องใหญ่ คือ เราต้องยอมรับนะว่า มันไม่ใช่เหมือนแบบผ่าตัดหรืออะไร แผลใจไม่ได้ฮีลง่ายแบบนั้น แต่การอยู่กับแผลเหล่านั้นพี่ว่าคือสิ่งสําคัญ ยอมรับมันและตระหนักถึงการดํารงอยู่ของบาดแผลเหล่านั้นดีกว่า
ซึ่งบางทีบาดแผลเหล่านั้นมันไม่หายหรอก แต่คุณสามารถแปลงบาดแผลนั้นออกมาให้กลายเป็นพลัง หรือแปลงมันออกมาให้เป็นเข็มทิศ ให้ออกมาเป็นสิ่งต่างๆ ที่ไกด์ชีวิตต่อไปของคุณ ให้คุณตัดสินใจถูกต้อง
You need to do the right thing.
หลังจากนั้นพี่ก็ลุกขึ้นมาทําสิ่งหนึ่ง พี่บอกว่าพนักงานของ KBTG องค์กรที่พี่ดูทุกคน เราต้องไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ เราต้องบาลานซ์ เราต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร
KBTG แต่ก่อนเราเรียกว่า One KBTG ตอนนี้เราเรียกว่า One KBTG Be Excellence เราเพิ่ม core value อีกเรื่องหนึ่งคือ positive excellence ทุกคนต้องรู้สึก positive กับการทำงาน และ leadership ไม่ใช่ drive เอา result อย่างเดียวแล้ว เรา balance leadership ตัวตนยูเองต้องอยู่ได้ แล้วยูต้องไม่มี mental depression เราใส่ใจมิติของ mental well-being ของพนักงานเยอะมาก เราส่งผู้บริหารไปเข้าหลักสูตรใจเบา ส่งไปต่างจังหวัด ไปเข้าคอร์สอะไรทั้งหลายแหล่ มีคนเข้ามาดูแลพนักงานของเรา มันทําให้เราเลือกตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นเหมือนเข็มทิศและแผนที่ให้เราได้
สำหรับพี่เรื่องนี้เป็นปมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วก็เป็นบาดแผลที่ใหญ่ที่สุด แล้วก็เป็นสิ่งที่พี่เชื่อว่า จนกระทั่งพี่เสียชีวิตมันก็อาจจะวูบกลับเข้ามา เพราะแม้กระทั่งตอนนี้คือ 5 ปีผ่านไป พูดถึงทุกครั้งเราก็ยังรู้สึก แต่มันเป็นการเตือนสติทุกครั้งว่า You need to do the right thing. และเราต้องไม่ให้คนอื่นมาประสบบาดแผลแบบเดียวกัน
ทุกครั้งเวลาพี่โค้ชน้องๆ เด็กๆ หรือว่าพนักงาน ผู้บริหารพี่ พี่จะบอกเสมอว่า ถ้าเมื่อไหร่ยูต้องตัดสินใจระหว่างครอบครัวกับเรื่องของงาน อย่าสนใจ อย่าแม้กระทั่งลังเล บริษัทเราไม่แย่ขนาดที่บอกว่า ยูไม่อยู่หนึ่งคนบริษัทจะมีปัญหา ไม่มีทาง บริษัทเราแข็งแกร่ง และเพราะนั่นเป็นบริษัทที่ยูเองก็เป็นคนหนึ่งที่สร้างมา
“จงไปดูแลครอบครัว เพราะมีคุณแค่คนเดียว ที่ครอบครัวต้องการ ณ วินาทีนั้น”
Happiness is a choice.
อย่างน้อยยังดีที่ตอนนี้คุณแม่ยังอยู่ เราก็เลยตัดสินใจว่าเราจะชดเชย โดยการดูแลหลาน ดูแลคุณแม่ ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด แต่ก่อนนี้ไม่ได้ทำสิ่งนี้เลย ตอนนี้คือพาที่บ้านไปเที่ยวประจําเลย เจอคุณแม่จนคุณแม่บอกทิง ไม่ต้องมาเจอแม่บ่อยก็ได้ แม่รําคาญ (หัวเราะ) ไปเล่นกับหลานดีกว่า สนุกกว่า คือเราพยายามให้เวลาเขา ความผิดพลาดที่ผ่านมามันทําให้เราตัดสินใจและเป็นคนที่ดีขึ้นได้
ดังนั้นอย่าไปเร่งรัดการรักษาบาดแผล ยอมรับการมีอยู่ของมัน คุณต้องกล้าเผชิญหน้า ด้วยวิธีการของผมซึ่งผมไม่รู้ว่ามันมีทฤษฎีทางจิตวิทยาหรืออะไรไหม แต่มันเวิร์กสำหรับผม และปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าด้วยบาดแผลนั้น ผมมีความสุขมากขึ้น เพราะทุกครั้งที่จะตัดสินใจ เมื่อบาดแผลนั้นกลับมาสะท้อน เราจะรู้ว่า อย่าทําแบบนี้นะกระทิง ไม่อย่างนั้นจะทําให้คนอื่นมีบาดแผลแบบนี้เหมือนเธอ หรือเธอจะมีบาดแผลซ้ำเติม ผมว่านี่แหละคือสิ่งสําคัญ แล้วคุณเชื่อไหมว่าหลังจากตรงนั้นผมมีความสุขขึ้นเยอะมาก แล้วก็มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น
แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งคือพอเรายอมรับสิ่งนั้น หลายสิ่งที่เราไม่เชื่อว่าจะทําได้ เราก็ทําได้ ปีที่แล้วเป็นปีที่พี่ breakthrough เรื่องหน้าที่การงานเยอะมาก แล้วก็เรื่องสุขภาพ คือพี่ดูเป็นคนมีวินัยสุดๆ เลยนะ แต่ว่ากลับยกระดับวินัยได้อีก ลดน้ำหนักไป 15 กิโลในเวลา 5 เดือน ระหว่างนั้นยังนั่งเรียนหนังสือตี 3 ถึง 8 โมง แล้วตอนไปนั่งกินข้าวกับลูกน้อง เห็นลูกน้องนั่งกินข้าว ผมนั่งดู ผมนั่งสมาธิ
คือสุดท้ายด้วยบาดแผล ด้วยปม หรืออะไรก็ตาม เมื่อเรายอมรับมัน มันทําให้เราแข็งแกร่งขึ้น เพราะดูสิ ขนาดมีบาดแผลฉันยังอยู่กับมันได้ ฉันยังมีความสุข
“และผมว่า Happiness is a choice. จงจําไว้นะครับ”